c3

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประวัติมอนซานโต้





ประวัติมอนซานโต้


บริษัทมอนซานโตก่อตั้งเมื่อปี 1901 โดย จอห์น ฟรานซิส ควีนนี  (John F. Queeny) โดยชื่อมอนซานโต้มาจากชื่อของภรรยาของเขา คือ โอลกา มอนซานโต้ ควีนนี ( Olga Monsanto Queeny ) ผลิตภัณฑ์แรกของบริษัทคือสารเคมีที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล ซัคคารินโดยมีบริษัทโคคา โคล่า เป็นคู่ค้าสำคัญ 

ในยุคสงครามโลกครั้งที่ บริษัทนี้เริ่มผลิตสารเคมีเองเพราะไม่สามารถนำเข้าสารเคมีจากยุโรปได้ โดยในปี 1929 มอนซานโตเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นบริษัทขนาดใหญ่จากการผลิตสาร PCBs(Polychlorinated biphenyls) สารเคมีนี้ใช้อย่างแพร่หลายในสารหล่อลื่น น้ำมัน และใช้ผสมอยู่ในพลาสติก สีทาบ้าน ต่อมาพบว่าสารเคมีชนิดนี้เป็นสารพิษที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็ง และความพิการในทารก ตลอดจนการเสียชีวิตของทารก

ระหว่างปี 1939 – 1948 บริษัทมอนซานโตได้ร่วมในโครงการทดลองวิจัยแร่เกี่ยวกับยูเรเนียมเพื่อใช้ในโครงการแมนฮัตตัน เพื่อผลิตระเบิดนิวเคลียร์

มอนซานโต้กระโจนเข้าสู่อุตสาหกรรมเคมีเกษตรตั้งแต่ปี 1945 เป็นต้นมา โดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสารเคมีปราบวัชพืช 2,4 D สร้างผลกำไรให้แก่บริษัทอย่างมาก

ระหว่างปี 1961-1971 บริษัทมอนซานโต้ซึ่งเป็นร่วมกับบริษัทดาวเคมิคอลในการผลิต สารสีส้มหรือ ฝนเหลือง” (Agent Orange) โดยสารพิษร้ายแรงนี้ได้จากการผสมกันของ สารเคมีชื่อ 2,4,5-T และ 2,4-D เข้าด้วยกัน สารนี้เป็นพิษร้ายแรงทั้งต่อมนุษย์และพืชพรรณ สหรัฐโปรยสารพิษนี้ทางอากาศเพื่อทำลายผืนป่าและพื้นที่เกษตรในเวียดนาม ป้องกันไม่ให้เวียดกงหลบซ่อนในป่าทึบ ทำลายอาหารในเขตเวียดนามเหนือหวังกดดันให้ศัตรูยอมแพ้เพราะขาดอาหาร สารพิษนี้ถูกพ่นไป 76 ล้านลิตร ในพื้นที่ 10 ล้านแฮกตาร์ หรือ 12% ของพื้นที่ของเวียดนามใต้ในขณะนั้น   ฆ่าชาวเวียดนามไปประมาณ 400,000 คน พิการ 500,00 คน และเจ็บป่วย 1-2 ล้านคน รวมไปทั้งทหารอเมริกันบางส่วนด้วย

ในปี 1972 มอนซานโตผลิตสารเคมีปราบศัตรูพืชชนิดใหม่ชื่อสามัญคือไกลโฟเสท “Glyphosate” หรือชื่อการค้า Roundup สารเคมีชนิดนี้ต่อมาแพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมอนซานโต้ผลิตพืชจีเอ็มโอที่ต้านทานต่อยาปราบวัชพืชนี้ ทำให้สามารถขายควบทั้งเมล็ดพันธุ์และสารเคมีปราบวัชพืชไปพร้อมๆกัน

ในปี 1987 มอนซานโตเริ่มวิจัยพันธุ์พืชจีเอ็มโอแต่เริ่มมีการผลิตและประสบผลสำเร็จในการปลูกเพื่อการค้าอย่างจริงจริงในปี 1996

ก่อนหน้านั้น 2 ปีคือในปี 1994 มอนซานโตได้ผลิตสารกระตุ้นการผลิตน้ำนมในวัว rBGH และ rBST มีชื่อการค้าว่า Polisac การใช้สารนี้ทำให้สามารถเพิ่มปริมาณการให้น้ำนมของวัวประมาณ 8-17%  สารนี้ได้รับอนุญาตให้ใช้ในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดย CODEX แม้ว่าพยายามถึง 3 ครั้ง ปัจจุบันพบว่าสารกระตุ้นการเจริญเติบโตชนิดนี้เกี่ยวข้องกับการเกิดเนื้องอก มะเร็งทรวงอกและรังไข่ ลดภูมิต้านทานของร่างกาย และเกิดผลกระทบต่อการดื้อยาปฏิชีวนะ โดยประเทศในสหภาพยุโรปยกเลิกการใช้สารเคมีนี้แล้ว เช่นเดียวกับในหลายประเทศ เช่น ญี่ป่น ออสเตรเลีย เป็นต้น

ความสำเร็จของมอนซานโต้ซึ่งเกิดจากการซื้อบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทของตน การใช้กฎหมายสิทธิบัตรเพื่อผูกขาดเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าไปให้การสนับสนุนนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ควบคุมนโยบายเกษตรและอาหาร ทำให้มอนซานโต้สามารถผูกขาดตลาดเมล็ดพันธุ์พืชสำคัญในสหรัฐได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์


บริษัทนี้ได้เติบโตอย่างรวดเร็วกลายเป็นบรรษัทเมล็ดพันธุ์ยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลก และหนึ่งในห้าบริษัทสารเคมีการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของโลก


บทความหน้าจะว่าด้วยเรื่องที่โหดร้ายของมอนซานโต้






ของแถมอีกรอบ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น