ประวัติมอนซานโต้
บริษัทมอนซานโตก่อตั้งเมื่อปี 1901 โดย จอห์น ฟรานซิส ควีนนี (John F. Queeny) โดยชื่อมอนซานโต้มาจากชื่อของภรรยาของเขา คือ โอลกา มอนซานโต้ ควีนนี
( Olga Monsanto Queeny ) ผลิตภัณฑ์แรกของบริษัทคือสารเคมีที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล “ ซัคคาริน” โดยมีบริษัทโคคา โคล่า
เป็นคู่ค้าสำคัญ
ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 บริษัทนี้เริ่มผลิตสารเคมีเองเพราะไม่สามารถนำเข้าสารเคมีจากยุโรปได้
โดยในปี 1929 มอนซานโตเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นบริษัทขนาดใหญ่จากการผลิตสาร
PCBs(Polychlorinated biphenyls) สารเคมีนี้ใช้อย่างแพร่หลายในสารหล่อลื่น น้ำมัน
และใช้ผสมอยู่ในพลาสติก สีทาบ้าน
ต่อมาพบว่าสารเคมีชนิดนี้เป็นสารพิษที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์
เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็ง และความพิการในทารก ตลอดจนการเสียชีวิตของทารก
ระหว่างปี 1939 – 1948 บริษัทมอนซานโตได้ร่วมในโครงการทดลองวิจัยแร่เกี่ยวกับยูเรเนียมเพื่อใช้ในโครงการแมนฮัตตัน
เพื่อผลิตระเบิดนิวเคลียร์
มอนซานโต้กระโจนเข้าสู่อุตสาหกรรมเคมีเกษตรตั้งแต่ปี 1945 เป็นต้นมา โดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสารเคมีปราบวัชพืช 2,4 D สร้างผลกำไรให้แก่บริษัทอย่างมาก
ระหว่างปี 1961-1971 บริษัทมอนซานโต้ซึ่งเป็นร่วมกับบริษัทดาวเคมิคอลในการผลิต
“สารสีส้ม” หรือ “ฝนเหลือง” (Agent Orange) โดยสารพิษร้ายแรงนี้ได้จากการผสมกันของ
สารเคมีชื่อ 2,4,5-T และ 2,4-D เข้าด้วยกัน สารนี้เป็นพิษร้ายแรงทั้งต่อมนุษย์และพืชพรรณ
สหรัฐโปรยสารพิษนี้ทางอากาศเพื่อทำลายผืนป่าและพื้นที่เกษตรในเวียดนาม
ป้องกันไม่ให้เวียดกงหลบซ่อนในป่าทึบ
ทำลายอาหารในเขตเวียดนามเหนือหวังกดดันให้ศัตรูยอมแพ้เพราะขาดอาหาร
สารพิษนี้ถูกพ่นไป 76 ล้านลิตร ในพื้นที่ 10 ล้านแฮกตาร์ หรือ 12% ของพื้นที่ของเวียดนามใต้ในขณะนั้น ฆ่าชาวเวียดนามไปประมาณ 400,000 คน พิการ 500,00 คน และเจ็บป่วย 1-2 ล้านคน รวมไปทั้งทหารอเมริกันบางส่วนด้วย
ในปี 1972 มอนซานโตผลิตสารเคมีปราบศัตรูพืชชนิดใหม่ชื่อสามัญคือไกลโฟเสท
“Glyphosate” หรือชื่อการค้า Roundup สารเคมีชนิดนี้ต่อมาแพร่หลายไปทั่วโลก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมอนซานโต้ผลิตพืชจีเอ็มโอที่ต้านทานต่อยาปราบวัชพืชนี้
ทำให้สามารถขายควบทั้งเมล็ดพันธุ์และสารเคมีปราบวัชพืชไปพร้อมๆกัน
ในปี 1987 มอนซานโตเริ่มวิจัยพันธุ์พืชจีเอ็มโอแต่เริ่มมีการผลิตและประสบผลสำเร็จในการปลูกเพื่อการค้าอย่างจริงจริงในปี
1996
ก่อนหน้านั้น 2 ปีคือในปี 1994 มอนซานโตได้ผลิตสารกระตุ้นการผลิตน้ำนมในวัว rBGH และ rBST มีชื่อการค้าว่า Polisac การใช้สารนี้ทำให้สามารถเพิ่มปริมาณการให้น้ำนมของวัวประมาณ 8-17% สารนี้ได้รับอนุญาตให้ใช้ในสหรัฐอเมริกา
แต่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดย CODEX แม้ว่าพยายามถึง 3 ครั้ง ปัจจุบันพบว่าสารกระตุ้นการเจริญเติบโตชนิดนี้เกี่ยวข้องกับการเกิดเนื้องอก
มะเร็งทรวงอกและรังไข่ ลดภูมิต้านทานของร่างกาย
และเกิดผลกระทบต่อการดื้อยาปฏิชีวนะ
โดยประเทศในสหภาพยุโรปยกเลิกการใช้สารเคมีนี้แล้ว เช่นเดียวกับในหลายประเทศ เช่น
ญี่ป่น ออสเตรเลีย เป็นต้น
ความสำเร็จของมอนซานโต้ซึ่งเกิดจากการซื้อบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทของตน
การใช้กฎหมายสิทธิบัตรเพื่อผูกขาดเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าไปให้การสนับสนุนนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ควบคุมนโยบายเกษตรและอาหาร
ทำให้มอนซานโต้สามารถผูกขาดตลาดเมล็ดพันธุ์พืชสำคัญในสหรัฐได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
บริษัทนี้ได้เติบโตอย่างรวดเร็วกลายเป็นบรรษัทเมล็ดพันธุ์ยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลก
และหนึ่งในห้าบริษัทสารเคมีการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของโลก
บทความหน้าจะว่าด้วยเรื่องที่โหดร้ายของมอนซานโต้
ของแถมอีกรอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น